แฮมสเตอร์
หนูแฮมสเตอร์ถือได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารักที่เป็นที่นิยมกันอีกชนิดหนึ่ง ด้วยความน่ารักแสนซนของพวกมันแล้ว ราคาที่ย่อมเยา หาซื้อง่าย เลือกซื้ออุปกรณ์ได้อย่างหลายหลาย อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจและนิยมเลี้ยงเจ้าสัตว์ตัวเล็กน่ารักอย่างเจ้าหนูแฮมสเตอร์นั้นเอง
เรื่องของหนูแฮมสเตอร์ที่คุณควรรู้
1.ไม่ควรอาบน้ำให้น้องหนู อาจทำให้เขาเป็นปอดบวมได้
2.ถ้ามีความจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องอาบน้ำให้แก่พวกเขา ควรจะรีบเช็ดตัวให้น้องๆ
แห้งอย่างรวดเร็ว
3.อย่าพยายามให้น้องหนูกินอาหารอาหารที่มีไขมันมากๆ อาจทำให้เป็นโรคอ้วน เช่น
ช็อกโกแล็ต ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น
4.ที่อยู่ของน้องหนูควรมีอากาศถ่ายเทสะดวก
5.หากพบว่าน้องหนูมีอาการแปลกๆ หรือไม่สบาย เป็นโรค ควรรีบพาไปหาสัตวแพทย์
6.วงจรชีวิตของหนูแฮมเตอร์ 1วัน ของหนู เท่ากับ 60 วันของคน
7.การให้อาหารจำพวก พืช ผัก ควรมีการล้าง ทำความสะอาด เพื่อให้ปลอดสารเคมี
8.ควรมีการทำความสะอาดขี้เลื่อยอยู่เสมอ
9.น้ำดื่มควรเป็นน้ำต้ม หรือน้ำสะอาดที่เราใช้ดื่ม
อาหารของหนูแฮมสเตอร์
อาหารสำหรับน้องหนูโดยเฉพาะ มีประโยชน์ คุณค่าอาหารครบถ้วน มีทั้งอาหารเม็ด เมล็ดธัญพืชต่างๆ ส่วนกลิ่นของอาหารชนิดนี้ไม่ต้องพูดถึง หอมหวนชวนให้บรรดาเหล่าน้องหนูมากิน อาหารชนิดนี้ค่อยข้างเป็นที่นิยม และหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายอาหารสัตว์และโรงพยาบาลสัตว์ทั่วไปค่ะ
อาหารอีกชนิดหนึ่งที่มีขายตามท้องตลาดและมีราคาย่อมเยา ผู้ซื้อควรเลือกดูว่ามีคุณภาพดีหรือไม่ เป็นอาหารที่ตามร้านค้านำมาบรรจุเอง อาจจะมีคุณภาพน้อยกว่าอาหารชนิดแรก
อาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนอีกอย่างหนึ่ง อาหารแมวนั้นเอง นอกจากนี้อาหารแมวยังถือได้ว่าเป็นอาหารที่ช่วยบำรุงขนของหนูให้มีสุขภาพดีและนุ่มสลวยอีกด้วย
อุปกรณ์สำหรับการเลี้ยงหนู
ชุดกรง
- ขวดใส่น้ำสำหรับหนูแฮมสเตอร์
- จานใส่อาหาร
- วงล้อวิ่งออกกำลังกายและของเล่นอื่นๆ
- บ้าน
ขี้เลื่อย
การเลือกซื้อขี้เลื่อยควรเลือกที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม ไม่มีสัมผัสที่แข็งจนเกินไป
ทรายคลุกตัว
เป็นทั้งของเล่นและการทำความสะอาดไปในตัวเลย
ภาชนะดินเผา
บางร้านเรียกว่าแอร์หนู ข้าบนใส่น้ำแข็ง จะทำให้มีความเย็น คลายร้อนได้ดีเลยทีเดียว
ประสบการณ์ตรงจากเรื่องโรคของหนูแฮมสเตอร์
เคยเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์ประมาณสามปีกว่า พบเจอกับปัญหา โรคที่ค่อนข้างจะรักษาได้ยาก โรคที่หนึ่งโรคขนร่วง เป็นโรคที่ค่อนข้างต้องใช้เวลาและการดูแลเอาใจใส่อย่างมาก เคยสอบถามร้านขายสัตว์ เขาบอกว่า ให้ใช้แสงหมึก มาให้ทั่วบริเวณที่มีอาการ แต่ก็ไม่ได้ผล จึงตัดสินใจพาไปพบสัตวแพทย์ ได้ยามาสองตัว คือ ยาฆ่าเชื้อและยาบำรุงขน เป็นการรักษาที่ต้องต่อเนื่อง ต้องกินยาทุกวัน มีความรู้สึกว่ามันดีขึ้น น่าจะหายแล้ว แต่ความจริงมันเป็นโรคที่เรื้อรังมาก หายยาก ต้องดูแลรักษาความสะอาดเป็นอย่างดี ส่วนโรคที่สองเป็นอีกโรคหนึ่งที่ฮิตมากในหมู่หนูแฮมสเตอร์ คือ โรคเนื้องอก สงสารน้องหนูมากๆ เพราะถ้าปล่อยไว้นานๆ จะทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นมาก และรวดเร็ว จากที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า 1 วัน ของหนูเท่ากับ 60 วันของคน จึงทำให้ขนาดของก้อนเนื้อมีเจริญเติบโตรวดเร็วมากๆ พาไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าต้องผ่าตัดซึ่งก้อนเนื้อใหญ่มาก เสียค่ารักษาพยาบาลในการผ่าตัด 500 บาท สำหรับโรงพยาบาลรัฐ แล้วก็ค่ายาเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีก้อนเนื้อเกิดขึ้นมาใหม่อีก คราวนี้คุณหมอบอกว่า ก้อนเนื้ออยู่ในที่อันตราย บริเวณต่อมน้ำเหลืองไม่สามารถผ่าตัดได้ จึงต้องปล่อยน้องเขาไปตามธรรมชาติ สุดท้ายแล้วน้องก็อยู่ได้ไม่นาน ก็จากไป..........
บทความนี้เป็นประสบการณ์จากการเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์
หากท่านใดมีความสงสัยในเรื่องอื่น
เรื่องอาการก้อนเนื้องอกหรือเรื่องขนร่วง
หรือปัญหาข้องใจอื่นๆสามารถฝากคำถามไว้ได้เลยค่ะ
พร้อมที่ให้คำปรึกษาค่ะ